ประวัติหลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโรวัดถ้ำประทุน ชลบุรี

 

๏ อัตโนประวัติ

          หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร มีชาติกำเนิดในสกุล ธรรมจิตร เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๖๘ ตรงกับวันพุธ (กลางคืน) แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีฉลู ที่บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โยมบิดาชื่อ นายมี ธรรมจิตร (ซึ่งต่อมาได้ออกบวชเป็นตาผ้าขาวจนสิ้นชีวิต) โยมมารดาชื่อ นางและ ธรรมจิตร มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกันทั้งหมด ๕ คน เป็นชาย ๒ คน หญิง ๓ คน มีชื่อเรียงตามลำดับดังนี้

๑. หลวงปู่วันดี ปภสฺสโร (มรณภาพแล้ว)
๒. หลวงปู่อ่อนศรี ฐานวโร (มรณภาพปี พ.ศ. ๒๕๕๑)
๓. นางบัวพันธ์ ประณมศรี (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๔. นางทองจันทร์ ขันธะจันทร์
๕. นางทองผัน ธงศรี

 

๏ การศึกษา

        ท่านจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนวัดศรีชมพู (ในสมัยนั้น) บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และการศึกษาพระปริยัติธรรมสอบได้นักธรรมชั้นโท


๏ การบรรพชา

        ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๘๘ ณ วัดศรีสว่าง ต.โพนสูง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบรรพชาแล้วได้ไปจำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

๏ การอุปสมบท

         ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๘ เวลา ๑๒.๐๐ น. ณ พัทธสีมาวัดศรีสว่าง จ.สกลนคร โดยมีพระอาจารย์ฮวด สุมโน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระพุฒ ยโส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสิริ สิริปุญฺโญ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านได้กระทำญัตติกรรมเป็นพระภิกษุฝ่ายธรรมยุติกนิกาย โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูอดุลย์สังฆกิจ (พระมหาเถื่อน อุชุกโร) เจ้าคณะอำเภอวานรนิวาส เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูมุกดาหารสาธุกิจ (พระมหาผา) เจ้าคณะอำเภอมุกดาหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

 

๏ ลำดับการจำพรรษา

เมื่อหลวงปู่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านได้จำพรรษาตามที่ต่างๆ ดังนี้

- ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ จำพรรษาที่วัดตาลนิมิตร บ้านตาล ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ - ๒๔๙๑ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๒ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านแหลมฉบัง ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (ปัจจุบันคือบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง) ร่วมกับหลวงปู่ชื่น (๔๒ พรรษา) และหลวงพ่อมหาเผื่อน (๓๒ พรรษา) หลวงปู่สุบิน (๑๒ พรรษา) และหลวงปู่ (๙ พรรษา)

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๗ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันขึ้นเป็น จ.ยโสธร)

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ จำพรรษาที่วัดป่าพระสถิตย์ ต.พานพร้าว อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย มี หลวงปู่บัวพา ปญฺญาภาโส เป็นเจ้าอาวาส

- ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ จำพรรษาที่วัดปากทาง เหมืองแม่แฝก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านมีโอกาสได้ไปปรนนิบัติ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ที่วัดบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ อยู่ระยะหนึ่ง

- ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๐๑ จำพรรษาที่เสนาสนะป่าบ้านเหล่า ต.ป่าไหน่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

- ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ - ๒๕๑๘ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร และได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส

- ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ - ๒๕๒๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ จำพรรษาที่วัดประชาอุทิศ ต.ลุมพุก อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

- ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ - ๒๕๓๒ จำพรรษาที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

- ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม ต.เกวียนหัก อ.ขลุง จ.จันทบุรี

- ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๕๑ ได้มาจำพรรษาที่วัดถ้ำประทุน หมู่ที่ ๘ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

๏ เป็นเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม

ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ หลวงปู่ได้มาอยู่ที่วัดธรรมิการาม บ้านบึงโน บ้านเกิดของท่าน แล้วได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัด หลวงปู่ได้พัฒนาวัดและก่อสร้างเสนาสนะที่ยังขาดแคลน เช่น ศาลาการเปรียญ กุฏิ และโรงครัว เป็นต้น อีกทั้งหลวงปู่ยังมีส่วนสำคัญในการนำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน เช่น ถนน ไฟฟ้า และบ่อน้ำ เป็นต้น เมื่ออยู่ที่นั่นเป็นเวลาติดต่อกันนานพอสมควร หลวงปู่ก็ออกไปปลีกวิเวกและปฏิบัติภาวนา พำนักจำพรรษาสถานที่อื่นบ้าง โดยไปอยู่วัดประชาอุทิศ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร

พอออกพรรษา ก็กลับมายังวัดธรรมิการามอีกครั้ง ไปๆ มาๆ เช่นนี้อยู่เป็นหลายครั้ง เมื่อเห็นว่าวัดธรรมิการามมีความเจริญ และความสะดวกสบายในด้านต่างๆ พอสมควร ในต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ท่านก็ได้ตัดสินใจวางภาระต่างๆ ให้พระลูกศิษย์ใกล้ชิดที่ท่านไว้วางใจคือ พระอาจารย์อัศวิน วรญาโณ ให้เป็นผู้รักษาการแทน

หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ออกไปหาวิเวกที่วัดป่าดงเจริญ บ้านดงเจริญ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร ระยะหนึ่ง แล้วก็ลงมาทางภาคตะวันออก พักอยู่ที่วัดถ้ำประทุนประมาณ ๗ วัน (สมัยนั้นชื่อวัดตรอกแซง) หลังจากนั้นหลวงปู่ก็ได้เดินทางไป จ.จันทบุรี ในปีนั้นหลวงปู่ตั้งใจจะไปจำพรรษาที่เกาะช้าง พอดีช่วงนั้นมีพายุเข้าฝนตกหนักเลยข้ามไปเกาะไม่ได้ ช่วงนั้นเป็นเวลาจวนจะเข้าพรรษาพอดี หลวงปู่จึงตัดสินใจจำพรรษาที่วัดใหม่ดำรงธรรม อ.ขลุง จ.จันทบุรี หลังจากออกพรรษาของปีนั้น คณะญาติโยมทาง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี (คณะโยมแฉล้มและโยมอรุณี) ได้ไปนิมนต์หลวงปู่ให้กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุน เพราะเวลานั้นเจ้าอาวาสวัดได้ลาสิกขาบทไป ทำให้ขาดครูบาอาจารย์ที่จะมาปกครองดูแลวัด หลวงปู่จึงได้รับนิมนต์กลับมาอยู่ที่วัดถ้ำประทุนอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ เป็นต้นมา และได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนญาติโยมที่ได้มากราบไหว้ก็เริ่มรู้จักหลวงปู่กันมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน