พระราชสังวรญาณ (หลวงปู่สมุทร อธิปญฺโญฺ)

        

           อัตตโนชีวประวัติของพระราชสังวรญาณ (หลวงปู่สมุทร อธิปญฺโญฺ) เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี - สระบุรี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน (วัดเขาจีนแล) ลพบุรี ชาติภูมิและถิ่นกำเนิด

    หลวงปู่เกิดที่อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ถิ่นกำเนิดในตระกูล แสงศรี เกิดเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พ ศ ๒๔๗๖ โยมบิดาชื่อ คำมีโยมมารดาชื่อแต่งอ่อน นามสกุล แสงศรี มีพี่น้องรวมกัน ๗ คน เป็นผู้ชาย ๕ คน เป็นหญิง
๒ คน ซึ่งได้ถึงแก่กรรมไปหมดแล้วเหลืออยู่แต่หลวงปู่ รูปคนเดียว
        ๑. นายหนูเทพ แสงศรี
        ๒. นายเพชร แสงศรี
        ๓. นางหน่วย ไกรราช
        ๔. นายทองด้วง แสงศรี
        ๕. นางพวง เครือชาลี
        ๖. หลวงปู่บัวพันธุ์(พระครูภาวนาวิมล)อดีตเจ้าอาวาสวัดวิเวการาม
        ๗. หลวงปู่สมุทร (พระราชสังวรญาณ)

 

ชีวประวัติ ปฏิปทา และพระธรรม เทศนา ของพระราชสังวรญาณ

         เมื่อเข้าวัยหนุ่มอายุได้ ๑๙ ปี ครอบครัวได้พาย้ายไปอยู่ที่อำเภอศรีเชียงใหม่  จังหวัดหนองคาย เนื่องจากสมัยก่อน ถิ่นเดิมที่เคยอยู่พอถึงหน้าฝนน้ำก็จะท่วมการทำเกษตรกรรม ก็ขลุกขลักทุกปี เลยย้ายไปอยู่หนองคายตอนนั้น โยมพ่อได้เสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่โยมแม่มาประกอบอาชีพส่วนตัว จนมาอายุ ๒๒ ปี จึงได้ออกบวช ระยะแรกบวชในฝ่ายมหานิกาย ในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ เดือน มาฆะบูชา ครั้นบวชแล้วก็ไม่ได้อยู่วัดที่บวชเท่าไหร่ ไปอยู่กับหลวงปู่บัวพาที่วัดป่าพระสถิตย์ หลวงปู่บัวพา ท่านก็อยากให้มาญัตติเป็นธรรมยุติ แต่ครูบาอาจารย์ทางฝ่ายมหานิกาย ท่านก็ไม่อยากให้ญัตติ ซึ่งก็เป็นปกติของครูบาอาจารย์ที่รักศิษย์ เป็นความลำบากใจอยู่ไม่น้อย
วันหนึ่งหลวงปู่สมุทรจึงอธิฐานใจว่า “ถ้าข้าพเจ้ามาญัตติเป็นธรรมยุติจะมีความเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนาขอให้ได้นิมิตที่เป็นมงคล” แต่ถ้าข้าพเจ้ามาญัตติแล้ว ไม่มีความเจริญรุ่งเรืองในพระศาสนา ก็ขอให้นิมิตที่ไม่เป็นมงคลจงเกิดขึ้นให้รู้” ในคืนนั้นนอนหลับไปเมื่อจวนใกล้สว่าง เกิดนิมิตขึ้นใน นิมิตนั้นบอกว่ากำลังจะมาญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ แต่ในนิมิตนั้นบอกว่าพระโมคคัลลานะและพระสารีบุตรเป็นพระคู่สวด พระพุทธเจ้าเป็นพระอุปัชฌาย์ ในขณะนั้นกำลังอุ้มผ้าไตร แต่ไม่ใช่ผ้าไตรกลับเป็นหนังสือคัมภีร์พระปาฏิโมกข์ กำลังจะเข้าไปถวายให้พระอุปัชฌาย์ พออุปัชฌาย์รับผ้าแล้วยังไม่ได้กล่าวคำว่า เอสาหัง ก็พอดีตื่นขึ้นก็เลยคิดว่า นิมิตของเรานี้เป็นมงคลต่อมาเลยไปญัตติ ที่วัดอรัญญวาสี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยมีพระวิชัยมุนี (พระธรรมไตรโลกาจารย์ : รักษ์ เรวโต) เป็นพระอุปัชฌาย์ มี พระครูศีลขันธ์สังวร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีพระอาจารย์สวาท เป็น พระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๙๘ ครั้นบวชแล้วก็ไปอยู่ วัดป่าพระสถิตย์ กับหลวงปู่บัวพา

 

      วิทยะฐานะ

          พ.ศ. ๒๔๘๘ จบชั้นประถมปีที่ ๔ โรงเรียนบ้านกุดกุง ตำบลสงเปรย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร
          พ.ศ. ๒๕๐๔ สอบได้นักธรรมตรี สำนักเรียนวัดศรีมหาราช จังหวัดชลบุรี
          พ.ศ. ๒๕๐๖ สอบได้นักธรรมโท สำนักเรียนวัดศรีมหาราช จังหวัดชลบุรี
          พ.ศ. ๒๕๐๘ สอบได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดพระงามศรีมงคล จังหวัดหนองคาย
          พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้รับการถวายปริญญาศาสนศาสตร์ดุษฏีบัณฑิต กิตติมศักดิ์สาขาวิชาพุทธศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมกุฎราชวิทยาลัย

 

     สมณะศักดิ์ และตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบ

          พ.ศ. ๒๕๐๗ : รับเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน (เขาจีนแล) ถึงปัจจุบัน
          พ.ศ. ๒๕๒๐ : ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดราษฏร์ ชั้นโท สมณะศักดิ์นามว่า “พระครูภาวนานุโยค” วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๐
          พ.ศ. ๒๕๓๖ : ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี วันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖
          พ.ศ. ๒๕๓๗ : ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๗ : วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
          พ.ศ. ๒๕๓๗ : ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก ในสมณะศักดิ์เดิมคือ “พระครูภาวนานุโยค” วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๗
          พ.ศ. ๒๕๔๐ : ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี วันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐
          พ.ศ. ๒๕๔๓ : ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองชั้นเอก
          พ.ศ. ๒๕๔๖ : ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัด ลพบุรี-สระบุรี วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๖
          พ.ศ. ๒๕๔๗ : ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็นพระราชา คณะชั้นสามัญ ที่ “พระวุฒิสารโสภณ” วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗
          พ.ศ. ๒๕๕๒ : ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็นพระราชา คณะชั้นราช ที่ “พระราชสังวรญาณ” วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒